เมื่อเรือเดินสมุทรไททานิกถูกสร้างขึ้น เชื่อกันว่ามันจะไม่มีวันจม
เรือไททานิก ปี ค.ศ.1912
เซาท์แทมป์ตัน สหราชอาณาจักร
แต่ด้วยมูลค่ามหาศาล เรือลำนี้ยังคงต้องมีการประกันภัย
แต่ว่าจะคิดราคาอย่างไร?
เบี้ยประกัน
การประกัน ประกอบด้วย การจ่ายเงินในจำนวนที่น้อยกว่ามูลค่าของสิ่งนั้น เงินนี้เรียกว่า เบี้ยประกัน
เบี้ยประกันเป็นเครื่องรับรองว่า จะมีการชำระเงินในจำนวนที่ครอบคลุมมูลค่าของสิ่งของนั้นคืนให้ ในกรณีเกิดอุบัติเหตุหรือสูญหาย
ผู้รับประกันคำนวณค่าเบี้ยประกัน โดยพิจารณาจากมูลค่าของสินค้า ความรุนแรงของความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และความน่าจะเป็นในการเรียกร้องค่าสินไหม
ตัวอย่างเช่น หากผู้รับประกันคิดว่า ความน่าจะเป็นที่จะต้องจ่ายเงินออกไป 1,000,0000 ดอลลาร์ เท่ากับ 1 ใน 100 แล้ว เบี้ยประกันควรจะอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์เป็นอย่างน้อย
เบี้ยประกัน คำนวณจาก:
มูลค่าของสินค้า
ความรุนแรงของความเสียหาย
ความน่าจะเป็นในการเรียกประกัน
การรับประกันเรือไททานิก
ผู้ที่คาดว่าจะรับประกันเรือไททานิก คงต้องพิจารณาหลากหลายปัจจัย เพื่อกำหนดเบี้ยประกันที่เหมาะสม
เรือลำนี้ เป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดลำหนึ่ง ในสมัยนั้น
ขนาด
ขนาดที่ใหญ่โตแข็งแรงของมัน หมายความว่า ไม่น่าจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ ส่งผลให้เบี้ยประกันลดลง
กัปตันของเรือไททานิก เอ็ดเวิร์ด เจ สมิธ เป็นนักเดินเรือ ผู้ประสบความสำเร็จและมีประสบการณ์สูง
ลูกเรือ
และเชื่อกันว่าเขาสามารถนำพาเรือไททานิกไปได้อย่างปลอดภัย
ไททานิกทั้งใหม่ และทันสมัย
คุณภาพ
โอกาสเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับวิศวกรรมของเรือ ก็แทบไม่น่าจะเป็นไปได้
แต่ด้วยชื่อเสียงของเรือ จึงมีคนต้องการขึ้นเป็นจำนวนมาก
ความต้องการ
เมื่อเรือต้องออกเดินทางบ่อย ซึ่งเป็นการเพิ่มความน่าจะเป็นของการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น เบี้ยประกันจึงเพิ่มขึ้น
เรือนี้ยังมีราคาสูง และผู้โดยสารมีฐานะร่ำรวย ส่งผลให้บรรทุกสัมภาระที่มีมูลค่ามากตามไปด้วย
มูลค่า
ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น เงินชดเชยจำนวนมากก็ต้องถูกจ่ายออกไป
การเดินทางของเรือไททานิก
เรือไททานิก ซึ่งมีประกันชั้นหนึ่งแล่นออกจากฝั่ง ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ.1912
เหมือนโชคชะตาลิขิตไว้ ประกันภัยเป็นเรื่องจำเป็น
เรือไททานิกจมลงอย่างน่าเศร้าสลด เพียงไม่กี่วันหลังจากออกทะเล
ความหายนะครั้งนี้ เป็นความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุด ที่ผู้รับประกันทางน้ำได้เคยประสบพบเจอ
บริษัทประกันภัยจ่ายเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์ เพื่อชดเชยเฉพาะตัวเรือและสัมภาระ ซึ่งคิดเป็นเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน
และยังต้องจ่ายเงินราวๆ 6 ล้านดอลลาร์ ให้กับญาติผู้ประสบภัย
ถึงแม้เงินดังกล่าว จะไม่สามารถทดแทนชีวิตที่สูญเสียไปได้ก็ตาม