ตลอดช่วงประวัติศาสตร์ มีเรือจำนวนนับไม่ถ้วนสูญหายไปในท้องทะเล
กะลาสีเล่าขานเป็นนิทานถึงคลื่นยักษ์ประหลาดสูงถึง 30 เมตร ที่จมเรือลง
แต่เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์ได้แย้งคำกล่าวอ้างนั้น
โดยการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ที่สรุปว่าการเกิดคลื่นลักษณะแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้
กราฟแสดงการกระจายตัวแบบปกติ
ดร.จิม กันสัน สำนักงานอุตุนิยมวิทยา สหราชอาณาจักร–“ด้วยแบบจำลองเชิงเส้นสำหรับสภาพท้องทะเลแห่งหนึ่ง เส้นกราฟรูประฆังคว่ำนี้ บอกความเป็นไปได้ของคลื่นที่ความสูงหนึ่งๆ และนี่ก็เหมือนประชากรเด็กในห้องเรียน เรามีค่าความสูงเฉลี่ยของเด็กๆ และเด็กส่วนใหญ่ก็สูงราวๆ นี้ บางคนอาจสูงกว่าหรือเตี้ยกว่าหน่อย แต่โอกาสที่เด็กคนหนึ่งจะสูงสามหรือสี่เท่าของค่าเฉลี่ยมีน้อยมากๆ”
ตามกราฟแสดงการกระจายตัวแบบปกติ สำหรับกรณีพายุที่มีความสูงคลื่นเฉลี่ยที่ 12 เมตร โอกาสที่จะเจอคลื่นสูง 30 เมตรแทบไม่มีเลย
มันควรจะเกิดเพียงหนึ่งครั้ง ในรอบ 10,000 ปีเท่านั้น
แต่ก็ยังมีรายงานถึงคลื่นยักษ์พวกนี้มากขึ้น
กอแรน เพอร์ซัน ผู้ช่วยกัปตัน เรือคาเลโดเนียน สตาร์ – “จู่ๆ ผมก็เห็นในระยะไกลออกไปประมาณหนึ่งไมล์ เป็นคลื่นที่ดูสูงใหญ่กว่าคลื่นปกติถึงสองเท่า”
กัปตัน คาร์ล ยูล์ริค แลมพ์ เรือคาเลโดเนียน สตาร์ – “คลื่นน่าจะสูงประมาณ 30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงมากๆ”
“มันเหมือนภูเขา เป็นกำแพงน้ำที่วิ่งเข้ามาปะทะเรา”
แบบจำลองที่บกพร่อง
การวิจัยเพิ่มเติมเปิดเผยว่า แบบจำลองของนักวิทยาศาสตร์นั้น ไม่ถูกต้อง
พวกเขาสร้างเส้นโค้งการกระจายตัวแบบปกติ ที่มีพื้นฐานมาจากลักษณะของคลื่นเล็กทั่วไป
แต่คลื่นยักษ์นั้นแท้จริงแล้วเป็นคลื่นอีกประเภทหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจากคลื่นเล็กๆ ปะทะกับกระแสน้ำ ทำให้นูนตัวขึ้นอย่างมหึมา
มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะธรรมดา ที่จริงแล้ว มันไม่ได้แปลกประหลาดเลย!
เปรียบได้กับวาฬตัวหนึ่งในฝูงโลมา
วาฬตัวนั้น คงถูกบันทึกว่ามีขนาดตัวใหญ่ผิดปกติ
แต่ในกลุ่มของพวกมันเองแล้ว ขนาดของมันเป็นปกติ
นักวิทยาศาสตร์ได้นำข้อมูลของคลื่นยักษ์ไปใส่เป็นค่าของคลื่นเล็ก ซึ่งทำให้ผลลัพธ์บิดเบือน
นิทานของกะลาสีเกี่ยวกับคลื่นมหึมา กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่มหึมาไปเสียแล้ว