สนามแม่เหล็กโลกเป็นสนามแรงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งปกป้องพวกเราจากรังสีที่อันตรายและลมสุริยะ
มันถูกสร้างโดยแกนเหล็กซึ่งหมุนอยู่ใจกลางของโลก
สนามแม่เหล็กโลกมีสองขั้ว คือขั้วเหนือและขั้วใต้
เข็มทิศแสดงทิศเหนือที่ด้านบนของโลก และทิศใต้ที่ด้านล่างของโลก
แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าขั้วแม่เหล็กเหล่านี้เกิดการสลับขั้วกันล่ะ?
สิ่งนี้อาจฟังดูแปลก แต่จริงๆ แล้วไม่เลย
นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานทางธรณีวิทยาที่บ่งชี้ว่า มีหลายครั้งที่แม่เหล็กขั้วเหนือและใต้สลับตำแหน่งกัน
พื้นมหาสมุทรมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากแผ่นเปลือกโลกถูกผลักให้แยกจากกันโดยการปะทุของแมกมา ซึ่งก่อให้เกิดชั้นหินใหม่ข้างชั้นหินเดิม
เมื่อหินเหล่านี้เย็นตัวลงและแข็งตัวเป็นของแข็ง พวกมันจะถูกทำให้มีสมบัติแม่เหล็กตามสนามแม่เหล็กโลก
นักวิทยาศาสตร์พบว่าบางชั้นของหินเหล่านี้มีสนามแม่เหล็กชี้ไปทางเหนือ ในขณะที่บางชั้นชี้ไปทางใต้
ในที่นี้หินที่แม่เหล็กชี้ไปทิศเหนือจะแสดงด้วยสีดำ และหินที่แม่เหล็กชี้ไปทิศใต้จะแสดงด้วยสีน้ำตาลอ่อน
สิ่งนี้บ่งชี้ว่าขณะที่หินสีดำถูกสร้างขึ้น แม่เหล็กทิศเหนืออยู่ที่ด้านบนของโลก เหมือนที่เราทราบอยู่แล้ว
และหินสีน้ำตาลอ่อนที่มีแม่เหล็กชี้ไปทางใต้ ถูกสร้างในขณะที่แม่เหล็กทิศเหนืออยู่ที่ด้านล่างของโลก
ขั้วทั้งสองเกิดการสับเปลี่ยนกันหลายต่อหลายครั้งในรอบหลายล้านปี ซึ่งคาดเดาได้ยาก
เชื่อกันว่าขั้วเหล่านี้ใช้เวลาเป็นพันๆ ปีเพื่อที่จะสลับกัน
ในระหว่างเวลานี้ เส้นสนามแม่เหล็กโลกจะผิดปกติ
ขั้วแม่เหล็กที่หันเหไปใกล้กับเส้นศูนย์สูตร อาจทำให้แม่เหล็กขั้วใต้ไปปรากฏอยู่ที่ทวีปแอฟริกา
ที่สำคัญ เชื่อกันว่าสนามแม่เหล็กโลกมีขนาดและรูปร่างคงเดิมตลอดกระบวนการ
นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าการสลับขั้วนั้นได้เสร็จสิ้นไปนานแล้ว
ถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้งการดำรงชีวิตอาจต้องมีการปรับเปลี่ยน
การสลับเปลี่ยนอาจเกิดขึ้นโดยใช้เวลานาน ซึ่งพวกสัตว์ที่มีการอพยพอาจจะปรับตัว ได้ในหลายชั่วอายุคน เช่นเดียวกันกับมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันขั้วเหนือบนเข็มทิศแม่เหล็กชี้ไปยังทวีปแอนตาร์กติกา
Please log in to view and download the complete transcript.