เสียงสามารถถูกปรับเปลี่ยนไปได้หลากหลายรูปแบบอันเนื่องมาจากลักษณะตามธรรมชาติของคลื่นเสียงนั้นๆ
การสะท้อนของคลื่นเสียง
เสียงสะท้อนเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเสียงกระทบกับพื้นผิวราบเรียบอย่างหินแล้วเกิดการสะท้อนกลับ
การหักเหของคลื่นเสียง
เมื่อคลื่นเสียงผ่านเข้าไปในวัตถุต่างชนิดกันเช่น อากาศหรือน้ำ อัตราเร็วจะเปลี่ยนไป
ซึ่งทำให้คลื่นเปลี่ยนทิศทางได้
กระบวนการนี้เรียกว่า การหักเหของคลื่นเสียง
การเบี่ยงเบนของคลื่นเสียง
เมื่อเสียงเคลื่อนที่ผ่านช่องที่เปิดออก มันก็จะกระจายตัวออก
การเบี่ยงเบนของคลื่นเสียงนี้เกิดขึ้นเมื่อเดินทางผ่าน ผ่านช่องประตูหรือรอบๆ ตัวอาคาร
นี่เป็นสาเหตุที่บ่อยครั้งคุณได้ยินเสียงของอะไรสักอย่างก่อนที่จะเห็นตัวของมัน
อย่างไรก็ตาม มีอีกปรากฏการณ์หนึ่งที่คลื่นเสียงสามารถทำได้โดยให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง
เสียงก้องกังวาน
วัตถุทุกชิ้นมีความถี่ตามธรรมชาติในการสั่นเรียกว่า ความถี่เรโซแนนซ์
เมื่อคลื่นเสียงหรือการเคลื่อนไหวเคลื่อนที่ผ่านวัตถุด้วยความถี่ที่เท่ากับความถี่เฉพาะนี้ การสั่นตามธรรมชาติจะเพิ่มขึ้น
พลังงานนี้จะถูกปลดปล่อยออกมาเป็นเสียง...
หรือไม่ก็เป็นพลังงานจลน์ ซึ่งทำให้วัตถุทั้งก้อนสั่นอย่างเห็นได้ชัด เคลื่อนที่กลับไปกลับมา หรือขึ้นลง
ทั้งยังสามารถทำให้วัตถุแตกหักได้ด้วย
ลมที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน ณ จุดความถี่เรโซแนนซ์ อาจทำให้สะพานส่ายไปมาอย่างควบคุมไม่ได้
แต่ว่าเรโซแนนซ์ก็มีประโยชน์เหมือนกัน – นี่เป็นกระบวนการที่เครื่องดนตรีสร้างเสียงดนตรีขึ้น
อย่างเช่น เครื่องเป่าแบบทองเหลืองและเครื่องเป่าแบบลมไม้ ทำงานด้วยการสลับท่ออากาศภายในเครื่องดนตรี
เมื่อการสั่นของริมฝีปากหรือลิ้นเครื่องดนตรีมีความถี่เท่ากับความถี่เรโซแนนซ์ของท่ออากาศ การสั่นสะเทือนเรโซแนนซ์จะเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดเป็นเสียงดนตรี
Please log in to view and download the complete transcript.