การประดิษฐ์โทรศัพท์ขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 คือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
มันเปลี่ยนเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าและส่งผ่านไปในสายเคเบิลใต้ดิน เป็นเทคนิคชนิดที่ยังคงใช้กับโทรศัพท์บ้านของคุณ
แทนที่จะจำกัดการใช้งานอยู่กับสายเคเบิล ข้อมูลการสนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือ ถูกส่งไปในอากาศโดยใช้คลื่นไมโครเวฟ
เวลาที่คุณพูด เสียงจะถูกแปลงเป็นข้อมูลสัญญาณไฟฟ้าและนำไปเข้ารหัสในสัญญาณไมโครเวฟ
สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นไมโครเวฟอยู่ในแถบสเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำกว่าอินฟราเรด และแสงที่เรามองเห็น มีช่วงความถี่ระหว่าง 300 เมกะเฮิรตซ์ถึง 300 กิกกะเฮิรตซ์
ความถี่ไมโครเวฟ = 300 เมกะเฮิรตซ์ – 300 กิกกะเฮิรตซ์
ไมโครเวฟมีความยาวคลื่นที่สั้นกว่าและความถี่ที่สูงกว่าคลื่นวิทยุ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเมื่อนำมาใช้ใช้กับโทรศัพท์มือถือ
ไมโครเวฟ: ความยาวคลื่นสั้น ความถี่สูง
เพราะมีความถี่ที่สูงกว่า ไมโครเวฟสามารถขนย้ายข้อมูลได้มากกว่าคลื่นวิทยุ
และความยาวคลื่นที่สั้นกว่า ทำให้ตัวส่งสัญญาณสามารถมีขนาดเล็กลง
แต่ความยาวคลื่นที่สั้นกว่าก็สร้างปัญหาด้วยเช่นกัน
มันไม่สามารถเลี้ยวเบนได้ดีนักในภูมิประเทศตามธรรมชาติ จึงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ไกลทั่วโลกเหมือนคลื่นวิทยุ
เพื่อแก้ปัญหานี้ จึงต้องใช้สถานีฐานเพื่อรับสัญญานคลื่นไมโครเวฟและปฏิบัติการในรูปแบบที่เรียกว่า “เซลล์”
แต่ละเซลล์จะครอบคลุมพื้นที่แน่นอนพื้นที่หนึ่ง และสถานีฐานในพื้นที่นั้นมีความสามารถในการรับและส่งสัญญาณโทรศัพท์ได้เพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น
ในชนบท จะมีสถานีฐานอยู่ทุกๆ ห้ากิโลเมตร
ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่มากขึ้น พื้นที่ในตัวเมืองจะมีสถานีฐานทุกๆ 500 เมตร
...Please log in to view and download the complete transcript.