ห่างจากโลกไป 100 ล้านกิโลเมตร มีสถานที่ที่สวยงามและลึกลับที่สุดในระบบสุริยะของเรา
วงแหวนดาวเสาร์ถูกค้นพบครั้งแรกโดยกาลิเลโอในปี ค.ศ.1610 ด้วยการใช้กล้องโทรทรรศน์อย่างง่าย
อีกหลายศตวรรษต่อมา ด้วยอุปกรณ์ที่ซับซ้อนขึ้น วงแหวนดาวเสาร์ก็ยังคงดูเรียบง่ายอยู่
แต่ในปี ค.ศ.1981 เมื่อยานวอยเอจเจอร์ 1 เดินทางถึงดาวเคราะห์ชั้นนอก รายละเอียดที่แท้จริงของวงแหวนดาวเสาร์จึงได้ถูกเปิดเผย
ภาพเหล่านี้ถ่ายห่างจากวัตถุเพียง 9 ล้านกิโลเมตร
มีวงแหวนเป็นพันๆ วงที่กำลังโคจรรอบดาวเสาร์ที่อัตราเร็วต่างๆ กัน
ช่องว่างระหว่างวงแหวนแต่ละวงมีความกว้าง 4,500 กิโลเมตร
วงแหวนอาจดูเป็นเนื้อเดียวกันเมื่อมองจากระยะไกล ทว่าวงแหวนแต่ละวงประกอบขึ้นจากอนุภาคนับหลายพันล้าน ตั้งแต่ขนาดเท่าเม็ดทรายจนถึงขนาดเท่าบ้าน
แต่ละอนุภาคเคลื่อนที่เร็วกว่ากระสุนปืน พวกมันชนปะทะกันอยู่ตลอดเวลา
เศษซากจากการชนนี้ได้ถูกระบุว่าเป็นก้อนน้ำแข็งของน้ำบริสุทธิ์และหิน
แต่มันมาอยู่ในวงโคจรรอบดาวเสาร์ได้อย่างไร?
มีหลากหลายทฤษฎีที่เกี่ยวกับการก่อกำเนิดของวงแหวนดาวเสาร์
นักดาราศาสตร์บางคนเชื่อว่าเศษเล็กๆ พวกนี้เป็นเพียงสสารเนบิวลาที่หลงเหลือจากการก่อตัวของดาวเสาร์นั่นเอง
ส่วนนักดาราศาสตร์คนอื่นๆ เชื่อว่าแรงโน้มถ่วงมหาศาลของดาวเสาร์ได้ดูดเอาดาวหางและดาวเคราะห์น้อยมากักไว้ในวงโคจรของมันเป็นเวลาหลายล้านปี
คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ วงแหวนน่าจะมาจากดาวบริวารหลายๆ ดวงของดาวเสาร์
เมื่อถ่ายภาพใกล้เข้าไป พบว่าดาวบริวารหลายดวงมีแผลเป็นจากการชนกับดาวบริวารอื่นเมื่อนานมาแล้ว
ดาวบริวารชื่อ มิมัส เผยให้เห็นถึงแผลเป็นจากการชนซึ่งเกือบทำให้มันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ศาสตราจารย์คาโรไลน์ ปอร์โค ห้องปฏิบัติการดาวเคราะห์และดวงจันทร์ แอริโซนา–“ถ้ามิมัสถูกชนอย่างแรงจนเกือบแตกสลายได้จริง มันก็น่าจะมีวัตถุอื่นที่ชนกันจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ...
Please log in to view and download the complete transcript.